>> Heavy equipment
เมื่อพูดถึง “เครื่องจักรกลหนัก” หรือ Heavy Equipment คนในแวดวงการขนส่ง การก่อสร้าง ไปจนถึงการเกษตรมักคุ้นเคยกันดี เพราะคือสิ่งที่พวกเขาใช้งานกันประจำอยู่แล้ว แต่สำหรับคนแวดวงอื่นที่มีความสนใจหรืออยากศึกษาความรู้เพิ่มเติมเพื่อการดัดแปลงนำมาใช้งานให้เกิดความสะดวกใด ๆ ก็ตาม มั่นใจเลยว่านี่คือเครื่องจักรชั้นยอดที่มีประสิทธิภาพสูง ให้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจ รวมถึงยังเป็นสิ่งที่ทุกวันนี้ขาดไม่ได้ในแทบทุกประเภทอุตสาหกรรมที่อธิบายเอาไว้ตอนต้นเลยทีเดียว
ทำความรู้จักกับ “เครื่องจักรกลหนัก”
หากสื่อความหมายแบบเข้าใจง่าย เครื่องจักรกลหนัก คือ เครื่องจักรที่ถูกออกแบบมาพิเศษสำหรับการใช้ในงานก่อสร้าง เกษตรกรรม การขนส่ง ไปจนถึงโรงไฟฟ้า และอุตสาหกรรมหลายประเภท ส่วนใหญ่แล้วมักมีส่วนเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการขุด ตัก ยก เคลื่อนย้าย มีชุดอุปกรณ์สำคัญอยู่ 5 ระบบ เพื่อช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพพร้อมสร้างผลลัพธ์น่าพึงพอใจ ได้แก่ ตัวเครื่องจักร ระบบลาก โครงสร้าง ระบบส่งกำลัง และการควบคุม (การเก็บข้อมูล) โดยบางส่วนก็มีการนำเอาระบบไฮดรอลิคเข้ามาใช้งานเพื่อความรวดเร็วและคุณภาพที่ดีด้วย
ความแตกต่างจากเครื่องจักรกลธรรมดาอยู่ที่เรื่องของข้อได้เปรียบตามอัตราส่วนระหว่างแรงเข้าซึ่งถูกนำมาใช้ส่งผลให้แรงที่กระทำจะเพิ่มขึ้นมหาศาล จากเดิมงานประเภทนี้ต้องใช้คนหรือสัตว์หลายร้อยชีวิต หรือเครื่องจักรหลายสิบตัว ใช้เวลาทำงานเป็นเดือน ก็เหลือเพียงแค่เครื่องจักรกลหนักและระยะเวลาหลักสัปดาห์ก็สามารถทำให้เสร็จตามเป้าหมาย
ย้อนสู่จุดเริ่มต้นของการใช้งานเครื่องจักรกลหนัก
หากจะย้อนไปศึกษาถึงจุดเริ่มต้นการใช้งานเครื่องจักรกลหนักต้องถือว่ามีประวัติยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราชโดยวิศวกรชาวกรีก-โรมันนามว่า Vitruvius ได้ให้ความหมายของเครื่องจักรประเภทนี้ผ่านบทความ DeArchitectura ของตนเอง อย่างไรก็ตามหากพูดถึงยุคสมัยใหม่ “เครื่องตอกเสาเข็ม” ถูกประดิษฐ์ขึ้นเมื่อช่วงปี 1500
กระทั่งเข้าสู่ช่วงศตวรรษที่ 19 เรื่อยมาจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 เครื่องจักรกลหนักได้ถูกนำมาปรับให้สามารถใช้งานได้หลากหลายเพื่อทดแทนกำลังของมนุษย์และสัตว์ และยังเป็นจุดเริ่มของเครื่องจักรกลพลังงานไอน้ำก่อนเข้าสู่เครื่องจักรกลพลังงานสันดาปไปจนถึงการออกแบบเครื่องจักรอื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงไว้ซึ่งประโยชน์ เช่น รถเกี่ยวข้าว รถแทรกเตอร์ ถือว่าเป็นผู้ช่วยในการพัฒนาโลกให้ก้าวหน้าอีกด้านก็คงไม่ใช่เรื่องผิดเท่าใดนัก
ประเภทเครื่องจักรกลหนักที่นิยมใช้งาน
1. เครน / รถเครน
หากตั้งอยู่กับที่เฉย ๆ บางคนอาจเรียกว่า “ปั้นจั่น” เครื่องจักรกลหนักตัวนี้มีหน้าที่สำคัญในการยกวัตถุขึ้นไปยังที่สูง รวมถึงการเคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักเยอะ เช่น เครื่องจักร สินค้า ฯลฯ นิยมใช้ในหลายประเภทอุตสาหกรรม เช่น อู่ต่อเรือ ท่าเรือขนส่งสินค้า งานก่อสร้าง เป็นต้น
2. รถบด
หน้าตาอาจใกล้เคียงกับรถแทรกเตอร์แต่ด้านหน้าจะมีลูกกลิ้งขนาดใหญ่สำหรับใช้บดอัดถนน ดิน กรวด ยางมะตอย คอนกรีต ฯลฯ เพื่อทำให้พื้นถนนเรียบ มีความแน่นหนา รองรับน้ำหนักรถต่าง ๆ ที่กำลังสัญจรได้ดี ไม่พังเสียหายง่าย
3. รถขุด
จุดประสงค์สำคัญในการใช้งานเพื่อเคลื่อนย้ายวัตถุแต่จะเป็นลักษณะของการขุดขึ้นมาแล้วตักย้ายจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง ส่วนปลายของแขนจึงมีลักษณะคล้ายบุ้งกี๋หรือกระชอนตัก การหมุนตัวจะอยู่บริเวณตัวรถมีคนคอยควบคุมเพื่อให้ทำงานได้ตามสิ่งที่ต้องการ
4. รถตัก
หน้าตาอาจคล้ายกับรถขุดแต่สิ่งที่ต่างกันชัดเจนมากคือบุ้งกี๋บริเวณแขนด้านหน้าจะมีขนาดใหญ่ ตัวแขนสั้นกว่าเพื่อการรองรับน้ำหนักจากสิ่งที่ตักขึ้นมาให้ได้ปริมาณเยอะ นิยมใช้กับงานก่อสร้างหลายประเภทที่มีขนาดใหญ่และต้องตักสิ่งของจำนวนมาก เช่น หิน ปูน ทราย ดิน
5. อุโมงค์ระบายอากาศ
ในงานขุดเจาะใต้ดิน เช่น การทำรถไฟ การทำทางลอดต่าง ๆ จะต้องมีเครื่องจักรกลหนักตัวนี้อยู่ด้วยเสมอเพื่อให้คนงานสามารถก่อสร้างทุกจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลเรื่องของการขาดออกซิเจนรวมถึงสภาพอากาศด้านล่าง
6. รถดั๊ม
หรือบางคนอาจเรียกรถเท จะแบกทุกสิ่งอย่างที่สามาถใส่ได้ลงไปบนกระบะด้านหลัง เมื่อถึงที่หมายก็กดปุ่มเพื่อให้กระบะด้านหลังดั๊มลงแล้วเทวัสดุทุกสิ่งออกจากรถนั่นเอง
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวอย่างเครื่องจักรกลหนักที่นิยมใช้งาน เหนือสิ่งอื่นใดความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทุกคนที่ต้องควบคุมหรืออยู่ในพื้นที่จึงต้องไม่ประมาทกับการใช้งานเป็นอันขาด